ขอแนะนำตัวนะคะ

บทความที่ปรากฎอยู่นี้เป็นบทความที่เราตั้งใจทำขึ้นเพื่อแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ที่พัก รีสอร์ท อาหาร ขนม ร้านอาหาร ตลอดจนการทำอาหารและขนม อีกทั้งยังมีบทความที่แนะนำความรู้ทั่วๆไปอยู่ในแต่ละบทความด้วย ลองคลิ๊กหาดูทางด้านขวามือที่เป็นแถบนำทางดูนะคะ จะแบ่งหมวดหมู่ออกเป็น 6 หมวด ไก้แก่หมวดที่พัก โรงแรมฯ หมวดสถานที่ท่องเที่ยว หมวดความรู้ทั่วไป หมวดร้านอาหาร หมวดอาหารและขนม หมวดสอนการทำอาหารและขนมค่ะ

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557

รีวิว งานเจ้าแม่ทับทิม อ.ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ปี2557

          วันนี้ขากลับบ้านได้แวะไปเที่ยวงานเจ้าแม่ทับทิม อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เพราะเป็นทางผ่านพอดี เห็นจัดงาน 14-19 ม.ค.57 โดยการจัดงานในครั้งนี้เป็นความร่วมมือกันทั้งสองผ่านระหว่างเทศบาลเมืองตาคลีและคณะกรรมการจัดงานเจ้าแม่ทับทิม อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ หรือเรียกอีกชื่อว่า "เถ่านั๊ง" ซึ่งเถ่านั๊งตามภาษาจีนแปลว่า การเลือคณะกรรมการ เถ่านั๊งเป็นคนดูแลความเรียบร้อยและประสานงานการจัดงานเจ้าแม่ทับทิม และเป็นคนที่ระดมทุนสร้างและความคุมการก่อสร้างศาลเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งศาลเจ้าแม่ทับทิมสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมานี่เอง โดยการจัดงานเจ้าแม่ทับทิมในปีนี้เถ่านั๊งกล่าวว่าเป็นการจัดงานตามวันเกิดของเจ้าแม่ทับทิมและยังเป็นการฉลองศาลใหม่ของเจ้าแม่ด้วย ในส่วนของประวัติเจ้าแม่ทับทิมนั้นเป็นเจ้าแม่ทับทิมไ้ชื่อว่าเป็นเทพธิดาแห่งท้องทะเลซึ่งชาวจีนได้ถ่ายทอดข้อมูลต่อๆกันว่า เจ้าแม่ทับทิมคอยช่วยเหลือชาวประมงจากคลื่นและสิ่งชั่วร้ายต่างๆมากมายหลายครั้ง จนเจ้าแม่ทับทิมหรืออีกชื่อหนึ่งคือ เทียนห่อเซยป้อ ได้รับการขนานนามว่า "เทพธิดาแห่งมหาสมุทร" สำหรับเถ่านั๊งนั้นมีมาหลายรุ่นแล้วแต่ที่มาโดดเด่นมากๆก็คือเถ่านั๊งช่วงปี พ.ศ. 2556 เพราะว่าเป็นเถ่านั๊งชุดที่ระดมทุนจากผู้ศรัทธาในตลาดตาคลีและชาวบ้านทั่วไปในการก่อสร้างศาลเจ้าแม่ทับทิม อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ขึ้นตั้งแต่ปี 2556 และพอแล้วเสร็จก็ส่งต่อมายังเถ่านั๊งของปี 2557 รุ่นต่อมา ภายในงานมีนักท่องเที่ยวมากมายไม่ว่าจะมาจากอำเภอตาคลีก็ดี อำเภอตากฟ้า อำเภอเมืองนครสววรค์ จังหวัดชัยนาท จังหวัดลพบุรี จังหวัดอุทัยธานี หรือแม้แต่กรุงเทพฯก็ตาม ซึ่งดูแล้วคนมาเที่ยวงานกันเยอะมากๆเลย สำหรับการจัดงานปีนี้เถ่านั๊งให้นักท่องเที่ยวผ่านประตูฟรีโดยไม่เก็บค่าผ่านประตู ส่วนภายในก็มีทั้งการส่งเสริมการขายสินค้า อาหารและเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ อีกทั้งยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสักการะขอพรจากเจ้าแม่ทับทิมค่ะ อยากรู้ว่าบรรยากาศภายในงานเป็นอย่างไร จะคล้าย ๆ งานเจ้าพ่อเจ้าปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์หรือเปล่า ไปลองดูกันค่ะ

บรรยากาศหน้างานดูคึกคักจริง ๆ วันที่เรามาเที่ยวเป็นวันที่ 3 ของการจัดงานแล้วจ๊ะ แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างจังหวัดเข้ามาเที่ยวงานกันอย่างคับคั่ง พร้อมทั้งร่วมขอพรเจ้าแม่ทับทิมกันทุกคน ภายในงานบรรยากาศคึกคักสนุกสนานด้วยกิจกรรมต่างๆ มากมาย การแสดงจากเด็กนักเรียนในอำเภอตาคลีน่ารักๆทั้งนั้นทุกคืน และยังมีวงดนตรีและนักร้องดารารับเชิญมากมายในงานเพราะว่าเทศบาลเป็นเจ้าภาพในการว่าจ้างมาทำการแสดงให้นักท่องเที่ยวดู

 คนเข้างานเยอะมากๆ มาจากหลากหลายจังหวัดเลย เช่น ชัยนาท อุทัยฯ นครสวรรค์ ฯลฯ ขนาดแค่เดินเข้างานยังต้องเดินตามๆกันเป็นช่วงๆเลยค่ะ มีทั้งโซนของกิน ของใช้ ของฝาก และของเล่นสำหรับเด็กๆ น้องๆ หนูๆ ด้วยนะจ๊ะ

ศาลเจ้าแม่ดูสวยงามมากเวลาเปิดไฟยิ่งดูงดงาม ศิลปะการสร้างสรรค์แบบจีนโบราณการระดมทุนจากผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธา ทั้งในอำเภอและต่างอำเภอ ใช้ระยะเวลาสร้างนานแรมปีแต่ผลที่ได้สวยงามคุ้มค่ายิ่งนัก และก็อย่างที่บอกไม่ใช่ใครอื่นเถ่านั๊งเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างในครั้งนี้

 หน้าศาลาเจ้ามีน้ำพุ ประดับไฟสวยงาม ด้านหน้าศาลดูกว้างขวางยิ่งใหญ่มาก แต่สิ่งแรกที่พอก้าวเข้าไปแล้วก็ต้องเจอในงานก่อนเลยก็คือกลิ่นของควันธูป ถ้ามาช่วงเวลากลางคืนจะมีการประดับไฟตามมุมต่างๆของศาลทำให้ศาลเจ้าแม่งดงามขึ้นอย่างมาก

ภายในดูกว้างขวาง น่าเลื่อมศัยศรัทธา แค่มังกรพันเสาสองตัวนั้นก็ดูยิ่งใหญ่สวยงามแล้ว ดูโดยรอบแล้วคงใช้งบประมาณในการก่อสร้างไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่เราก็ไม่ได้สอบถามหรอกนะคะว่า ศาลเจ้าแม่ทับทิม อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ใช้งบประมาณก่อสร้างไปเท่าไร และระยะเวลาการก่อสร้างที่แท้จริงนานกี่เดือนค่ะ

 มีตักปลาด้วยกระดาษ เราตักไม่ได้สักตัวไม่เป็นน่ะมันดิ้นที่ตักขาดหมดเลย แต่แอบแหล่และอิจฉาเด็กผู้ชายตัวเล็กข้างๆเราตักได้เกือยบเต็บขันเลย ตักเอาๆ เลยถามน้องว่ามีเทคนิคอย่างไรบ้างน้องบอกว่าจะตักต้องใจเย็นๆ ให้รอปลาว่ายน้ำขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำจังหวะนี้ให้รีบตักเพราะที่ตักจะไม่เปียกน้ำมาก และจะทำให้ตักได้หลายครั้งหลายตัว สรุปเอาเลยค่ะลองทำตาม ที่ตักปลากระดาษ 5 ไม้ ได้ปลาทองตัวน้อยมา 1 ตัวคุ้มมากค่ะแม่เจ้า แต่ที่สำคัญอายเด็กอ่ะแพ้เด็กเลย -*-

รถบั๊มเด็กๆ เห็นแล้วอยากขับมั่งแต่โตแล้วอ่ะ ไอ้เราน่ะอยากเล่นแต่พนักงานไม่ยอมอารายกันเรายังเด็กอยู้นะ น้ำหนักก็แค่ 41 เอง ใจร้ายๆ ก็เค้าอย่างเล่นอ่ะ อยากเล่นๆๆๆๆๆๆๆๆ

 มีรถไฟความเร็วสูงรางคู่ด้วยล่ะ ไม่จำเป็นต้องรอ รมต. ไทยเราก็มีรถไฟความเร็วสูงแล้วค่ะ วิ่งอยู่หน้าชิงช้าสวรรค์ ขอบอกว่ามันวิ่งเร็วจริงๆนะตอนแรกก็นึกว่าจะเป็นเพียงรถรางที่ไหนได้น่าสนุกเลยล่ะ

อย่างสูงเลยล่ะเวลาที่เด็กๆ ไถลลงมาปีนขึ้นไปอย่างสูงเลย แต่ก็สร้างความสุขให้กับเด็กเล็กๆได้เป็นอย่างมาก อันนี้ก็อยากเล่นอ่ะอยากย้อนเวลาไปเป็นเด็กเลย กลิ้งลงมาแล้วก็เด้งๆ กับตุ๊กตาด้านล่าง

 มาดูฝั่งของทางของกินมั่ง มีหลากหลายมากมาย ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ ปั้นกันแบบจะๆ ไม่ได้ปั้นมาจากบ้านประมาณว่าให้รู้ไปเลยว่าซูชิร้านนี้ทำกับแบบสดๆใหม่ๆนะคะ หลากหลายหน้าตาน่าทานทั้งนั้นเลย อยากทำเป็นมั่ง

 ก๋วยเตี๋ยวเรือก็มากะเค้าด้วยล่ะ รสชาติพอได้เลยค่ะ มาในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป แต่ของบอกก่อนนะคะสำหรับคนชอบทานเนื้อคงต้องผิดหวังล่ะค่ะเพราะว่าร้านนี้เค้าเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือหมูล้วนๆ ค่ะทั้งลูกชิ้นก็เป็นลูกชิ้นหมู

อันนี้ของโปรดเรา ขนมเบื้อง ใส่ไส้กันอย่างล้นออกมานอกถาดเลยทีเดียว หลากหลายไส้เลยล่ะ แป้งกรอบๆบวกกับความมันและความหวานของไส้ อร่อยมากๆ อิอิอิ

          สำหรับงานเจ้าแม่ทับทิมปีนี้ก็มีกิจกรรมสนุกๆ มากมายทั้งแก้ชง กราบไหว้ขอพรเจ้าแม่ทับทิม มีแห่มังกร สิงโต ของเล่น ของกินเยอะแยะมากมาย หากใครพลาดไม่มีโอกาสมาเที่ยว ก็ขอบอกว่าปีหน้าช่วงเดือนมกราคม ให้แวะมาลองสัมผัสบรรยากาศดูงานจะจัดก่อนงานตรุษจีนปากน้ำโพค่ะ ^^"

วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

รีวิว โรงแรมที่สุนัขพักได้ หัวหิน

       การไปพักผ่อนต่างจังหวัด สำหรับผู้ที่รักสัตว์เลี้ยงคงจะลำบากหากหาโรงแรมที่พักที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปพักด้วย ซึ่งมีน้อยมาก วันนี้เรามีอีกหนึ่งโรงแรมที่ต้อนรับสัตว์เลี้ยงในตัวเมืองหัวหินมาแนะนำค่ะ เพิ่งเปิดใหม่ไม่นานมานี้เอง โรงแรมนี้ทั้งสวย ทั้งสะอาด บริการดีและที่สำคัญ ต้อนรับน้องหมาด้วยค่ะ สำหรับใครที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวที่หัวหิน หรือแม้แต่เดินทางผ่านแล้วต้องการหาที่พักที่สามารถนำน้องหมาและน้องแมวของเราเข้าพักได้ โรงแรมนี้เป็นโรงแรมในเครือต่างประเทศแต่เข้ามาขยายฐานการให้บริการในประเทศไทยโดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่ใหญ่ๆ และสำคัญๆ จังหวัดหรือแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจและเดินทางไปพักผ่อนจำนวนมาก แต่จะบอกว่าโรงแรมไอบิสแห่งนี้ จะเข้าพักถ้าจะให้ดีแนะนำว่าควรโทรสอบถามหรือสั่งจองที่พักก่อนนะคะยิ่งกรณีมีผู้ติดตามสี่ขาไปด้วยเพราะว่าโรงแรมนี้มีคนเข้าพักแทบจะเต็มตลอดเวลายิ่งช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาวๆ จึงจำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้าหรือจองโรงแรมล่วงหน้าไว้ก่อนเป็นดีที่สุดค่ะ โรงแรมไอบิส หัวหินแห่งนี้แน่นอนว่าเป็นโรงแรมที่มีการเปิดใหม่จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทุกๆอย่างจึงดูดี สวยงานและหใม่มากๆ ทั้งภายในและภายนอกตัวอาคารโรงแรมค่ะ ด้านหน้าจะมีพี่ รปภ.คอยดูแลและแจ้งว่าที่จอดรถเต็มหรือไม่เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาพักที่นี่ แต่ทางโรงแรมไอบิสก็ได้จัดสร้างที่จอดรถของโรงแรม โดยอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับโรงแรมใกล้ๆกับวัดอารายน๊าาาาา จำชื่อวัดไม่ได้แล้วอ่ะ แต่ที่นั่นก็มี รปภ.คอยดูแลและมีการแลกบัตรเข้าออกด้วยค่ะ


ibis Hotels Huahin(ไอบิส โฮเทล หัวหิน)
ที่อยู่: 73/15 ซอยหัวหิน87 ถ.เพชรเกษม อ.หัวหิน จ.ประจวบคิรีขันธ์
โทร: 02-659-2888
แฟกซ์: 02-659-2889
       โรงแรมอยู่ห่างจากชายหาดเพียง 200 เมตร สามารถเดินเล่นชิลๆ ไปชายหาดอย่างง่ายดาย ทางลงไปหาดนั้นก็ไม่ยากเลยเพราะว่าทางลงไปเล่นน้ำทะเลอยู่ซอยข้างๆ โรงแรมไอบิสนั่นเอง ส่วนตัวโรงแรมจริงๆ แล้วห่างจากตัวเมืองเพียง 3 กิโลเมตร ถ้านั่งรถประจำทางสิ่งแรกที่จะได้พบเจอของหัวหินก่อนเลยก็คือเพลินวาน หรือจะขับรถออกไปเที่ยวเล่นในเมืองหัวหินเองก็ตาม ซึ่งหากไปเดินในตลาดหัวหินซึ่งเป็นตลาดแบบถนนคนเดินจะเจอแต่นักท่องเที่ยวที่เป็นฝรั่งเยอะมากๆ ร้านอาหารก็เยอะไม่แพ้กัน ส่วนหน้าตลาดเราจะเจอน้องตูบซีเล็ปคนดังชื่อเจ้าแรมโบ้ที่จะเป็นนายแบบให้ถ่ายรูปและขอค่าตัวนิ๊ดๆหน่อยๆด้วยค่ะน่ารักมากๆ ตัวใหญ่เบ้อเริ่มเลย ส่วนโรงแรมไอบิสที่เราเข้าพักนั้น ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ที่จอดรถ 2 แห่ง อินเตอร์เน็ต และfree wifi ด้วยค่ะ
        เราเองถ้าไปเที่ยวหัวหิน โรงแรมแรกที่เลือกก็คือ ไอบิสเลย พนักงานน่ารักต้อนรับแขกและน้องหมาดีค่ะ
โรงแรมแต่งในสไตล์โมเดิล ห้องมีขนาดกระทัดรัด จัดพื้นที่่ได้คุ้มมาก แบ่งออกเป็นโซนสำหรับผู้ที่นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาพักได้ดี ประมาณว่าชั้นที่เท่าไรเป็นของน้องหมาชั้นที่เท่าไรเป็นของน้องแมว ชั้นที่เท่าไรแขกที่ไม่ได้นำน้องสี่ขามาพักด้วย เพื่อจะได้ไม่รบกวนแขกท่านอื่นๆ


ทางเดินสะอาดปูด้วยพรมสวยดีค่ะ สภาพโรงแรมดูสะอาดตามากๆ ตัดกับสีของพรมตามทางเดินมีเครื่องป้องกันไฟไหม้อุ่นใจได้ในระดับหนึ่งแล้วก็กล้องวงจรปิดตามทางเดินค่ะ ทุกห้องใช้ระบบ Key Card ทั้งหมดค่ะ เป็นโรงแรมที่ทันสมัยจริงๆเลยค่ะ


ห้องนอนที่เราเข้าพักเป็นเตียงเดี่ยวค่ะ ในห้องจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไปตามมาตรฐานของโรงแรม เช่น ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น กาต้มน้ำร้อน กาแฟ  ทีวี wifi เป็นต้น แต่สำหรับครอบครัวที่มีเด็กๆมาพักด้วยทางโรงแรมก็จะมีห้องสำหรับครอบครัว โดยมีเตียงสองชั้นและเกมส์เพลสเตชั่นบริการเด็กๆด้วยค่ะ


วิวจากระเบียงห้องมองออกมาได้กว้างมากค่ะ หากขับรถวิ่งตามทางเข้าไปในเมืองหัวหินก็จะพบกับเพลินวานและแหล่งของกินมากมาย ระยะทางถ้าวัดจากโรงแรมก็ไม่ไกลมากค่ะแต่ถนนที่นี่จะดูแคบๆและเป็นวันเวย์นะคะระวังเรื่องการขับรถและการกลับรถดีๆค่ะ มีไฟเขียวไฟแดงทุกจุดรวมถึงไฟแดงคนข้ามถนนด้วยนะคะ



ที่พักสะดวกสบายมากฮะ โมโจขอคอนเฟิร์ม^^ ยิ้มแป้นเลยเพราะมาชนิดที่ว่าจำกันได้เลยว่าเป็นบ้านอีกหลังของน้องหมาเราเลยก็ว่าได้จ๊ะ ไม่มีอาการตื่นกลัว พอเข้าห้องปุ๊บก็วิ่งเลยสนุกสนานเหมือนกับอยู่ที่บ้านเลย






มากี่ครั้งๆก็นอนหลับปุ๋ยเลยฮะ น้องหมาเราจะขาดเตียงนอนคู่ใจไม่ได้เลยจ้า เพราะถ้าไม่มีหรือลืมเอามาก็ประมาณว่างานงอกค่ะเค้าจะหงุดหงิดกวนใจเราตลอดแบบว่าต่อว่าน่ะ แต่ถ้าไม่ลืมก็จะเป็นอย่างที่เห็นจ๊ะ เตียงนี้นอนมาแต่เด็กเค้าเลยคุ้นเคย




 มีสนามหญ้าด้านหน้าโรงแรมให้วิ่งเล่นกับเพื่อนๆด้วย แต่รู้สึกว่าโมโจจะดูกลัวๆนะ เพราะพี่เค้าตัวใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด พุดเดิ้ล กับชิวาวา ไซด์ที่จริงน่าจะเท่าๆกันแต่พี่เค้าใหญ่กว่าอ่ะ กลัวเลย


เดินมา 200 เมตร ก็ถึงชายหาดแล้วค่ะ มาช่วงเช้าตื่นปุ๊บเจ้าตัวเล็กก็กวนขอไปเดินเที่ยวทะเลทันทีเลยก็ต้องพากันไป อากาศดี แดดไม่ร้อนค่ะ ลมทะเลพัดเย็นสบายมากๆ หาดทรายถึงจะไม่ขาวเหมือนที่กระบี่แต่ก็สะอาดและก็เงียบสงบดี


โมโจชอบมาวิ่งเล่นชายหาดฮะ วิ่งช่วงเช้าๆ ถือเป็นการออกกำลังกายที่ดีนะคะ แถมออกมาวิ่งสูดอากาศจากทะเลด้วย ยิ่งทะให้น้องหมาของเราล่าเริงที่สุดเลยค่ะไม่เชื่อลองทำดู


เล่นจนเหนื่อย กลับที่พักดีกว่า^^ วิ่งขึ้นวิ่งลงทะเลเป็นเด็กเลย เค้าชอบน้ำทะเลนะแต่วิ่งเหนื่อยคงหิวน้ำมีแอบกินน้ำทะเลด้วยเล่นซะลิ้นห้อยเลยป๊ะล่ะ เพราะเค้าไม่รู้ว่าน้ำทะเลเค็มซินะ 555

สำหรับเพื่อนๆที่กำลังหาโรงแรมที่นำน้องหมาไปพักได้เราขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ ‘ไอบิส โฮเทล หัวหิน’ รับรองว่าถ้าได้ไปสัมผัสแล้วจะต้องประทับใจแน่นอนค่ะ



วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

รีวิว โรงแรมอัศวรรณ จังหวัดหนองคาย

          คราวนี้เราลองมาดูความแตกต่างกันระหว่างโรงแรมอัศวรรณ จ.หนองคาย กับคราวที่แล้วเราไปพักที่โรงแรมละอองดาว เวียงจันทน์ ประเทศลาว อัศวรรณเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่กลาง ๆ เมืองหนองคาย ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดผ่านแดนมากนัก ตัวโรงแรมสร้างด้วยสถาปัตยกรรมทางฝากตะวันตกซึ่งถ้ามองผิวเผินก็จะมีลักษณะคล้ายๆกับโรงแรมทางแถบๆ นนทบุรีอยู่เหมือนกันค่ะ จากที่เรานับด้วยสายตาคร่าวๆคาดว่าจำนวนชั้นของโรงแรมนี้จะมีทั้งหมดด้วยกัน 8 ชั้น โดยรวมการให้บริการของโรงแรมนี้จัดว่าใช้ได้เลยพนักงานเป็นกันเองตั้งแต่ความเอาใจใส่แขกตอนเข้าไปหน้าโรงแรมก็จะมีคนเข้ามาคอยช่วยถือกระเป๋าสัมภาระของเราทันที มีสระว่ายน้ำอยู่บริเวณด้านหลังของโรงแรมด้วยนะคะ รวมถึงหากใครที่นั่งรถมาเป็นเวลานานๆที่นี่ก็มีบริการนวด ซึ่งแบ่งออกเป็นการนวด 2 ประเภทค่ะนั่นคือ การนวดแบบอโรมาหรือที่เราเรียกกันว่าการนวดแบบผ่อนคลายค่ะ และแบบที่2 การนวดแบบกดจุดคลายเส้นอันนี้เป็นการนวดแบบรักษาและบรรเทาอาการปวดล้าได้เป็นอย่างดีค่ะ แต่เราไม่ได้ลองไปนวดหรอกนะคะเพราะติดที่ว่าพอโดนนวดมักจะจั๊กจี้ประจำ ส่วนบรรยากาศภายในโรงแรมจะเป็นอย่างไรบ้างเรามาดูกันดีกว่าค่ะ
รูปร่างโรงแรมออกแบบได้สวยแปลกตามากๆเลยจ๊ะ แต่หากดูๆแล้วก็ไม่ค่อยแตกต่างจากโรงแรมละอองดาวสักเท่าไหร่เน๊อะ ข้างหน้าเป็นมุขของอาคารโรงแรมไว้ต้อนรับแขกและลงทะเบียนเข้าที่พัก เมื่อเข้ามาในส่วนของมุขอาคารแล้วขอบอกว่าช่างดูกว้างและใหญ่มาก มีของขายจำพวกสินค้านำเข้าด้วยนะคะ โดยเฉพาะเครื่องประดับจำพวก สร้อย แหวน นาฬิกาค่ะ

พอเข้ามาก็พบกับป้ายใหญ่และโถงดูสวยงามดีจัง ซึ่งติดอยู่ด้านหลังเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์พอดี พนักงานต้อนรับก็เป็นใจอย่างมากเราขอถ่ายป้ายก็หลบฉากออกให้ทันทีเลยค่ะ ให้ความร่วมมือกันอย่างดีมากว่างั้น อิอิอิ

สไตร์การจัดห้องโถงดูทันสมัยดีจัง แบะนั่งก็นุ่มนิ่มสบ๊ายสบาย ห้องโถงนั่งรอลิฟท์ และด้านในสุดก็จะเป็นห้องอาหารของโรงแรม ซึ่งอาหารที่นี่ก็มีรสชาติอร่อยไม่เบาเลย

ตอนเราไปเค้าจัดมุมต่างๆไว้ให้เก็บภาพสวยๆด้วยล่ะ ตอนแรกแอบนึกว่าเป็นของขวัญหรือของรางวัลสำหรับแขกที่เข้าพัก อยากได้เจ้าหมีตัวใหญ่ตรงกลางตัวนั้นจัง ตัวจริงน่ะใหญ่พอๆกับเราเลยแต่ถ่ายภาพไกลๆเลยทำให้ดูตัวเล็กลงถนัดตา

 key card อย่างเจ๋งเลยค่ะไม่ได้ใช้รูดนะคะแค่เอาไปแนบกับที่เปิดประตูเท่านั้นเอง เคยเข้าพักโรงแรมมาหลายแห่งส่วนมาCard จะเป็นระบบเสียบ แต่ที่นี่ใช้แนบไปกับกล่องรับสัญญาณหน้าประตูค่ะ

ตอนแรกเราก็งงหาที่รูด Card ไม่เจอแต่พอเอา Card ไปจ่อใกล้ๆไฟก็เปลี่ยนสีและเข้าไปในห้องได้จ๊ะ ยืนงงอยู่ต้องนานแต่ถ้าใครที่เคยเสียบ Card ก็แค่ลองทำท่าเอา Card ไปจ่อใกล้ๆหาที่เสียบเดี๋ยวไฟที่ประตูเปลี่ยนสีตัวล็อคก็จะคลายแล้วค่ะ

 พอจ่อ Card ปุ๊บไฟก็กลายเป็นสีเขียวปั๊บเราก็สามารถเข้าห้องพักได้เลยค่ะ ไม่มีช่องเสียบแต่ว่าเอาไปจ่อแค่แถวๆบริเวณลูกบิดประตูสัญญาณไฟที่ประตูจะเปลี่ยนสีและมาพร้อมกับเสียงปลดล็อดในห้อง เย้เข้าห้องได้สักทีค่ะ อยากเห็นบรรยากาศในห้องพักแล้ว งงอยู่หน้าห้องตั้งนาน

หน้าตา KEY CARD ของห้องพักเราค่ะ ของเราห้องพักอยู่ที่ชั้น 6 นะคะขึ้นลิฟท์มาก็ไม่เหนื่อยมากมายเท่าไร แต่ต้องมาเหงื่อตกตรงที่เปิดประตูไม่เป็นนี่แหล่ะ 555

สภาพห้องพักดูสวยสะอาดเรียบร้อยมากๆจ๊ะ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัว ไม่ว่า ทีวี ตู้เย็น แอร์คอนดิชั่น น้ำอุ่น แต่ที่นี่จะใช้ไวไฟต้องซื้อรหัสเอานะคะ


บรรยากาศห้องนอนน่านอนมากๆ แต่ถ้าใครไปเข้าพักแล้วจะสงสัยว่าทำไมห้องพักถึงไม่มีปลั๊กให้เสียบใช้นะทั้งโทรศัพท์ แบตกล้องหาปลั๊กไว้เสียบชาร์ทไม่ได้เลย ต้องแอบเอาปลั๊กตู้เย็นออก จุ๊ๆ อย่าไปบอกพนักงานโรงแรมนะคะเค้ารู้ล่ะก็โดยว่าแน่ๆ เลย


 อาหารเช้าสไตร์อเมริกันน่าทานมั๊กๆ >.< เป็นแบบบุฟเฟ่ เหมือนทุกๆ โรงแรม แต่การจัดเรียงออกมาค่อนข้างเป็นระเบียบสะดวกแก่การตักของแขกค่ะ

 แต่ก็มีอาหารเช้าแบบอื่นด้วยทั้งข้าวแกง ข้าวต้ม ชากาแฟ มาม่าผัด เยอะอ่ะ ก็เป็นอีกช่องทางเลือกนึงสำหรับผู็ที่ชื่นชอบรับประทานอาหารเช้าของโรงแรมที่มีตัวเลือกให้เราได้เลือกรับประทานมากมายไม่ซ้ำซาก กรณีที่ต้องพักอยู่หลายๆวัน

ปิดท้ายด้วยขนมปังปิ้งทาแยมผลไม้ เข้ากั้นเข้ากัน

ยังไงถ้าได้แวะมาหนองคายก็อย่าลืมเข้าไปพักกันที่โรงแรมอัศวรรณกันนะคะ เป็นโรงแรมที่น่าพักมากๆโรงแรมหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ ^^"

วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

รีวิว โรงแรมละอองดาว เวียงจันทน์ ประเทศลาว

          วันนี้ได้ไปเที่ยวต่างประเทศมา ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลประเทศไทยเกินไป นั่นคือประเทศลาว โดยในครั้งนี้มีโอกาสได้เข้าพักโรงแรมในประเทศลาวด้วยนั่นคือ โรงแรมละอองดาว อยู่ที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว ถ้าถามว่าราคาเข้าพักเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่แตกต่างจาก จังหวัดหนองคายสักเท่าไหร่ เริ่มต้นตั้งแต่ 900 บาท 1,200 บาท และ1,500 บาท ถ้าถามเป็นค่าเงินลาวในสกุลกีบ ก็เพียงแค่คูณด้วย 250 เข้าไปก็จะได้ค่าเงินลาวที่แท้จริงเนื่องจากค่าเงินไทยเมื่อเปลี่ยนไปเป็นเงินลาวแล้วจะมีค่า 1 บาทไทย เท่ากับ 250 กีบลาวค่ะจะเห็นได้ว่าโรงแรมละอองดาวออกแบบการก่อสร้างที่เน้นไปถ้าให้เราเดาน่าจะออกไปทางฝรั่งเศสนะ เป็นโรงแรมที่เด่นมากๆเพราะเป็นโรงแรมที่สร้างเป็นอาคารสูงอยู่ในประเทศลาว ประมาณ 7 ชั้นเห็นจะได้ค่ะ ซึ่งปกติหากเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศลาวแล้วเราสังเกตุดีๆ จะพบว่าในประเทศลาวไม่นิยมสร้างอาคารที่มีหลายๆชั้นส่วนมากจะไม่เกิน 2-3 ชั้นโดยเฉพาะในส่วนของเมืองเวียงจันทน์ จึงทำให่ตัวอาคารของโรงแรมแห่งนี้โดเด่นสะดุดตาสำหรับผู้ที่พบเห็นเป็นที่สุดค่ะ >.<
ถึงแม้ว่าดูสภาพที่พักจะออกไปทางด้านตะวันตกแต่ยังคงมีกลิ่นอายของประเทศลาวอยู่จ๊ะ แต่ก็ยังมีความเชื่อของคนจีนอยู่ซึ่งแอบเดาว่าเจ้าของเป็นคนที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศจีนหรือมีความเชื่อความศรัทธากับความเชื่อของคนจีน เพราะเราสังเกตุจากหน้าโรงแรมตรงจั่วหน้ามีการติดแผ่นกระจกแปดเหลี่ยมที่เป็นความเชื่อของคนจีนว่าสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ออกจากบริเวณดังกล่าวได้ค่ะ

ป้ายด้านหน้าตัวอักษรและสระบางตัวเราอาจจะพออ่านและเดาดูได้ง่ายๆ ค่ะ แต่ก็ใช้เวลานานพอดูกว่าที่เราจะอ่านป้ายนี้ออกจร้า ประมาณว่าป้ายนี้บอกว่าเป็น โรงแรมละออกดาว มีห้องอาหาร และคาราโอเกะด้วย อิอิอิ เราเก่งไหม

นี่คือตึกที่พักของเราแหงนมองขึ้นไปสูงดีจัง อยู่กลาง ๆ เมืองเวียงจันทน์ แต่ห้องพักที่เราพักอยู่ชั้นล่างสุดนะคะเลยไม่ได้เก็บภาพวิวจากมุมสูงให้ได้ชมกันเลย สีที่โรงแรมใช้ก็ตัดกันดูดีเด่นมากหากมองมาจากระยะไกลๆ

สภาพห้องพักจัดอย่างสะอาดสวยงามค่ะ มีการตกแต่งที่ให้บรรยากาศว่าอยู่ในประเทศลาว บนกับแนวตะวันตกหน่อยๆ ก็เป็นอะไรที่ลงตัวและแปลกน่านอนพักดีค่ะ

ส่วนเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นไม่ต้องพูดถึง มีทั้งทีวีที่มีช่องที่สามารถดูรายการที่มาจากประเทศไทยได้ด้วยนะคะ ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น แอร์ และเครื่องเป่าผมสำหรับสุภาพสตรีด้วยค่ะ

อาหารที่บ้านเราก็คุ้นเคยส้มตำปลาร้า เพียงแต่ว่าผิดกับที่คิดไว้ค่ะรสชาติออกกลางๆ ไม่เผ็ดร้อนอย่างบ้านเรา ออกไปทางเค็ม หวาน เปรี้ยวซะมากกว่า

ลาบหมูอันนี้อร่อยรสชาติกลางๆอีกแล้วไม่เผ็ดเกินไป แล้วก็ไม่ดิบด้วยค่ะ อาจเป็นเพราะเรามีความเชื่อกันว่าคนที่อาศัยอยู่ในประเทศลาวจะต้องเป็นคนที่ชอบรับประทานอาหารจรสจัดเก่งมากๆ แต่พอได้ลองแล้วกลายเป็นว่าเค้าอาจกลัวว่าเราจะทานอาหารรสจัดไม่ได้ (อันนี้เราคิดเองนะ)

อันนี้น่าจะเป็นแกงป่านะ หรือว่าแกงไก่อ่ะลองทานดูรสชาติก็ไม่เผ็ดร้อนเหมือนพริงแกงบ้านเรา ประมาณว่าเอาไว้ซดน้ำให้โล่งคอก็อร่อยชื่นใจไปอีกแบบ

อันนี้ถ้าไปที่ไหนก็ช่างแต่ไม่ว่าที่ลาวหรือไทยไข่เจียวหมูสับก็ยังคงรสชาติเดียวกัน

โดยสรุปโรงแรมละอองดาวเป็นโรงแรมที่น่าพักมากๆโรงแรมนึง ส่วนอาหารที่นี่รสชาติออกไปทางจืดๆกลางๆ หรืออาจเป็นเพราะว่าเค้าคงกลัวว่าเราจะทานเผ็ดมากไม่ได้หรึอเข้าใจว่าคนไทยคงชอบทานอาหารรสชาติกลางๆแบบนี้มั๊งคะ อย่างไงเดี๋ยวพอพักผ่อนเติมพลังแล้วจะพาไปเที่ยวชมประเทศลาวกันต่อนะคะ ส่วนวันนี้ขอตัวก่อนค่ะบ๊ายบาย ^^"

วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2557

รีวิว วัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) อ.เมือง จ.หนองคาย

       วันนี้มีโอกาสดีที่ได้มาสักการะพระประธานที่วัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) อ.เมือง จ.หนองคาย ช่วงที่ไปหนองคายเป็นเดือน ธ.ค. ซึ่งอากาศอยู่ที่ประมาณ 17 องศา มีนักท่องเที่ยวเข้ามาสักการะอย่างคึกคักแต่รถนำเที่ยวของเรามาถึงเช้าเลยได้โอกาสเก็บภาพบรรยากาศทั้งภายในและภายนอกแบบไร้ตัวประกอบมาได้ เป็นวัดที่มีขนาดความใหญ่โตสมกับที่ได้ยกระดับเป็นพระอารามหลวงด้วยค่ะ จุดเด่นของวัดนี้คงหนีไม่พ้นมุมต่างๆ ที่สามารถให้นักท่องเที่ยวสามารถเก็บภาพบรรยากาศของวัดโพธิ์ชัยสวยๆ เอาไว้เป็นที่ระลึก ทั้งซุ้มที่ทางวัดจัดไว้ให้นั่งถ่ายภาพ ประติมากรรมผนังที่มีทั้งภาพวาดและการแกะสลักและปั้นติดผนัง ที่มีความวิจิตรบรรจงมากๆ ถ้าจะให้บอกว่าสวยก็คงจะหาคำบรรยายไม่ได้ค่ะ เพราะมองไปมุมไหนของวัดก็จะพบเจอกับศิลปะที่หลากหลายนี่จนาดภายนอกวัดนะคะ เราลองเข้าไปชมภายในวัดโพธิ์ชัยกันค่ะ แต่ขอบอกว่าระหว่างทางเดินเข้ามามีนักท่องเที่ยวที่ต้องการเสี่ยงโชคเข้าไปขอพรพระประธานแล้วออกมาหาซื้อสลากกินแบ่งฯข้างนอกที่มีหลายร้านหลายเจ้ามากๆ อิอิอิ

ภาพบรรยากาศภายนอกก่อนเข้าสู่วัดโพธิ์ชัย มีศิลปะตามผนังวัดเป็นภาพวาด การแกะสลัก และการปั้นหล่อขึ้นรูป อีกทั้งยังมีการตกแต่งสวนให้ดูสวยงานเหมาะกับการเก็บภาพเป็นที่สุด

มีมุมสวยๆให้ได้เก็บภาพด้วยจ๊ะ ทำซุ้นและตกแต่งด้วยสวนเล็กๆรอบๆซุ้มให้นักท่องเที่ยวมานั่งและเก็บภาพบรรยากาศกลับไปเป็นที่ระลึกด้วยค่ะ

 ป้ายข้างหน้าก่อนเข้าสู่พระอุโบสถ จัดกลางสวนหย่อมตัวกันระหว่างตัวหนังสืออย่างลงตัวมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายที่สะดุดตา และแวะถ่ายภาพกับป้ายมุมนี้ขนาดยืนรอกันเลยล่ะค่ะ

ภายหน้าดูสวยงามสะดุดตาทั้งประดู และมณฑป ด้วยปฏิมากรรมที่สวยงาม สวดลายสวยชวนให้อยากเดินเข้าไปชมความงดงามภายใน

 สิงห์เฝ้าหน้าทางเข้าดูสง่างามมากๆ มีอยู่คู่นึง เป็นเหมือนผู้ที่คอยเฝ้าประตูพระอุโบสถ ปั้นหล่อตัวจริงใหญ่ขนาดพอๆกับผู้ใหญ่คนนึงเลย พอดูลายที่ตัวสิงห์ปราณีตมากๆ ตั้งแต่หัวจรดปลายหางเลยค่ะ

บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยภาพตกแต่งสีน้ำมันที่มีทั้งเรื่องราวต่างๆของพระพุทธเจ้าและเรื่องราวการดำเนินชีวิตอย่างชาวบ้านสมัยเก่า ดูน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก

 พระประธานภายในสวยงามมาก ซึ่งภายในมีการตกแต่งประดับประดาซุ้มชั้นที่ประทับของพระประธานและตกแต่งด้วยไฟ จึงทำให้พระประธานที่เราเห็นดูโดดเด่นสวยงามสะดุดตาเป็นที่สุด

ภาพเขียนจิตกรรมฝาผนังบอกถึงเรื่องราวต่างๆ ดูแล้วเพลินมากๆเลย เรียกง่ายๆว่ามีการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ออกมาทางภาพเขียนฝาผนังที่มีทั้งเรื่องราวของพระพุทธเจ้าและการดำรงชีวิตของชาวบ้านในสมัยก่อนด้วยค่ะ

 ประตูทางออกเดินผ่านทำให้ดูสงบร่มเย็นสบายใจที่ได้มาสักการะเลยค่ะ ภาพเขียนที่อยู่บนผนังหากสังเกตุดีๆจะมีการตัดสีด้วยเฉดสีทองที่เป็นแวววาวเพิ่มความน่าสนใจในตัวภาพขึ้นอีกมากเลยจ๊ะ

พอเงยหน้ามองขึ้นไปบนเพดานก็ยังเจอลายกนกไทยอ่อนช้อนสวยงามมากๆ

หากท่านใดได้มาแวะหนองคายก็อย่างลืมที่จะแวะมาสักการะ และเที่ยวชมบรรยากาศ ณ วัดโพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคายนะคะ รับรองว่าท่านจะไม่ผิดหวังกับบรรยากาศความสวยงามอย่างแน่นอนค่ะ >.<